กบน.สั่งเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนน้ำมัน 1.13 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่ 17 ก.ย.65
คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) เลิกชดเชยราคาดีเซลอีกครั้ง พร้อมเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯ 1.13 บาทต่อลิตร มีผลพรุ่งนี้ 17 ก.ย. 2565 หลังราคาดีเซลสิงคโปร์ปรับลดลงกว่า 9 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยการใช้น้ำมันลดลง ส่งผลช่วยกองทุนฯ ลดภาระชดเชยน้ำมันและมีรายได้เข้ากระเป๋าเพิ่มเป็นวันละ 71.67 ล้านบาท แต่สถานะกองทุนฯโดยรวมยังติดลบหนักถึง 1.24 แสนล้านบาท
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานในวันที่ 16 ก.ย. 2565 ได้มีมติเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันฯ 1.13 บาทต่อลิตร สำหรับกลุ่มผู้ใช้ดีเซลธรรมดา, ดีเซล B7, ดีเซล B20 และดีแซลเกรดพรีเมียม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป โดยการปรับขึ้นอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯดังกล่าว จะไม่ส่งผลต่อราคาดีเซลธรรมดา ,ดีเซลB7 และดีเซลB20 โดยยังคงราคาจำหน่ายปลีกเท่าเดิมที่ 34.94 บาทต่อลิตรต่อไป
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ( สกนช.) กล่าวว่า การเรียกเก็บเงินกลุ่มดีเซลเข้ากองทุนฯ ครั้งนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยทำให้การใช้น้ำมันลดลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์ลดลงถึง 9.38 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2565 ซึ่งจะสามารถช่วยลดราคาขายปลีกดีเซลได้เกือบ 3 บาทต่อลิตร แต่เนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2565 กองทุนฯ ยังชดเชยราคาดีเซลอยู่ 1.29 บาทต่อลิตร และกองทุนฯ โดยรวมขาดสภาพคล่อง ดังนั้น กบน. จึงได้พิจารณายกเลิกการชดเชยดีเซลและเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ในอัตรา 1.13 บาทต่อลิตรแทน
“เมื่อเดือน ส.ค. 2565 กองทุนฯ เคยเลิกชดเชยราคาดีเซลสำเร็จและเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ มาได้ครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นราคาน้ำมันโลกก็ผันผวนปรับขึ้นทำให้ต้องกลับมาชดเชยราคาดีเซลอีก และครั้งนี้ราคาน้ำมันโลกลดลง จึงทำให้กองทุนฯ เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ได้อีกครั้ง”
การเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯในครั้งนี้ส่งผลให้กองทุนฯมีเงินไหลเข้าจากผู้ใช้น้ำมันประมาณวันละ 71.67 ล้านบาท ขณะที่กองทุนฯยังต้องชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) อยู่วันละ 27.82 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนฯ มีรายรับอยู่ที่วันละ 43.85 ล้านบาท ซึ่งทำให้ฐานะกองทุนฯปรับตัวดีขึ้นจากเดิมที่อยู่ในสภาวะเงินไหลออกวันละ 105.27 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามสถานะกองทุนฯโดยรวม ณ วันที่ 11 ก.ย. 2565 กองทุนฯยังติดลบรวม 124,601 ล้านบาท ซึ่งมาจากการชดเชยราคาน้ำมันทำให้บัญชีน้ำมันติดลบรวม 82,534 ล้านบาท และการชดเชยราคา LPG ทำให้บัญชี LPG ติดลบรวม 42,067 ล้านบาท ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้า กบน.จะยังคงพิจารณาราคาขายปลีกดีเซลอีกครั้ง และยืนยันว่าจะยังไม่มีการลอยตัวราคาดีเซลอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานว่า ในเดือน ก.ย. 2565 นี้ กบน.จะต้องพิจารณามาตรการดูแลราคาดีเซลและ LPG อีกครั้ง เนื่องจากใกล้จะหมดอายุมาตรการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้ตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 35 บาทต่อลิตร แต่หากราคาน้ำมันโลกปรับขึ้นจนราคาดีเซลเกิน 35 บาทต่อลิตร ให้ช่วยอุดหนุนราคาส่วนเกิน 50% ซึ่งมาตรการนี้จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. 2565 พร้อมกับมาตรการปรับขึ้นราคา LPG เดือนละ 1 บาทต่อกิโลกรัมก็จะสิ้นสุด 30 ก.ย. 2565 เช่นกัน ดังนั้น กบน.จะต้องพิจารณามาตรการด้านราคาดีเซลใหม่ ส่วน LPG จะต้องรอให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ออกมาตรการดูแลราคา LPG ใหม่ต่อไป